วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553
UNSEEN พระธาตุหัวกลับ
พระธาตุหัวกลับ
ลำปางเมืองงามอันเปรียบเสมือนประตูสู่แหล่งท่องเที่ยว ในจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือ แหล่งอารยธรรมล้านนาไทยที่หลากหลายไปด้วยสถานที่สนใจในท้องถิ่น งดงามด้วยศิลปกรรมตามโบราณสถานเก่าแก่ ผสมผสานกับวิธีชีวิตที่เรียบง่ายควบคู่ไปกับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่คงความบริสุทธิ์สวยงาม ได้แก่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้เมืองลำปางมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวต่างถิ่นหลายอย่างทีเดียว เช่น รถม้าพาหนะคู่เมือง เครื่องปั้นดินเผา ที่ทำจากดินขาวขึ้นชื่อ วัดวาอารามแบบสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
วันเวลาที่แนะนำพระธาตุหัวกลับสามารถพบเห็นได้ทุกวันภายในวิหารด้านหลังวัดพระธาตุลำปางหลวง นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้คราวละไม่เกิน ๓๐ คน
การเดินทางจากตัวเมืองลำปางเดินทางสู่อำเภอเกาะคาก่อนถึงจะเห็นวัดพระธาตุจอมปิง และหากผ่านเลย
อำเภอเกาะคาไปทางอำเภอห้างฉัตรก็จะพบวัดพระธาตุลำปางหลวง ทั้งสองวัดมีการนำเสนอ พระธาตุหัวกลับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท.ภาคเหนือ เขต ๑. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-1466
UNSEEN มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย
มอหินขาวมีกลุ่มหินอยู่หลายแห่งด้วยกัน เมื่อเรามาถึงมอหินขาว ก็จะถึง กลุ่มหินชุดแรก คือ “เสาหิน 5 ต้น” เป็นหินที่มีความสูงประมาณ 12 เมตร จำนวนหนึ่งใน 5 มีต้นหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ขนาด 22 คนโอบ เสาหิน 5 ต้นนี้นับเป็น เสาหินที่เด่นที่สุด และเป็นไฮไลตืของการมาเที่ยวมอหินขาวถัดจากกลุ่มหินชุดแรกไปเล็กน้อยจะถึงบริเวณลานกางเต็นท์ มีห้องน้ำบริการจากจุดนี้มีเส้นทางเดินไปยังกลุ่มหิน และจุดชมวิว ได้แก่ หินเจดีย์โขลงช้าง ระยะทางเดินเท้า 650 เมตร ลานหินต้นไทร 900 เมตร สวนหินล้านปี 1,250 เมตร และจุดชมวิวผาหัวนาค 2,500 เมตรซึ่งเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบลุยพักนอนกลางเต็นท์ ชม ธรรมชาติกลางป่าเขายิ่งนัก แล้วก็มาถึง หินกลุ่มที่ 2 อยู่ห่าง จากลุ่มแรกประมาณ 500 เมตร เรียกรวมกัน ว่า "ดงหิน"มีแท่งหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย มีรูปร่างคล้ายเจดีย์ กระดองเต่ารองเท้่าบูท และบริเวณหินกลุ่ม นี้เรายังสามารถขึ้นไปชมวิวที่กว้างไกลสุดสายตาของที่นี่ได้
สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044810902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร.025620760
ขอขอบพระคุณบทความดีๆจากhttp://www.paiduaykan.com
UNSEEN สระมรกต
สระมรกต จังหวัด กระบี่
สระมรกต เป็นสระน้ำพุร้อนกว้างประมาณ 20 เมตร ยาว 25 เมตร และมีอุณหภูมิ 30-50 องศาเซลเซียส สาเหตุที่น้ำใสก้เพราะว่า น้ำมาจากใต้ดิน ผ่านชั้นหินปูนที่มีแคลเซียมคาร์โบเนตสูง และมีคุณสมบัติเป็นด่าง ทำให้สารแขวนลอยในน้ำตกตะกอนลง
สระมรกต สระน้ำสวยใสกลางใจป่า ที่กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่น ใน ผืนป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ –บางคราม ซึ่งในการเดินทางไปชมนั้นจะต้องเดินเท้าจากทางเข้าไปประมาณ 800 เมตร สองข้างทางนั้นเป็นป่าร่มครึ้มเย็นสบาย เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึงสะพานไม้ที่จะนำทางไปสู่สระน้ำสีเขียวราวมรกต
และที่เห็นสระน้ำใสๆ ดูสะอาดอย่างนี้ก็ไม่เหมาะกับการดื่มกินเพราะอาจทำให้เป็นนิ่วได้ ที่สำคัญใครที่จะลงเล่นน้ำไม่ควรที่จะใช้ แชมพู สบู่ หรือสารซักฟอกใดๆ เพราะจะเป็นตัวเร่งให้สาหร่ายในสระเกิดขึ้นมากจนผิดปกติ และทำให้น้ำเสียได้ในที่สุด
UNSEEN น้ำตกร้อน
Unseen ทะเลเเหวก
ทะเลแหวก
หรืออีกนัยหนึ่งคือ สันทรายโผล่เพราะน้ำลด ทะเลแหวกเกิดจากสันทรายจากเกาะสามเกะคือเกาะไก่ ( เกาะใหญ่ที่เห็นในภาพ ) เกาะหม้อ และ เกาะทับ ทั้งสามเกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ มีสันฐาณติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็นแนวสัน ทรายเชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้แยกออกกันเป็นสามส่วน
สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด แต่ถึงแม้ว่าสันทรายจะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่นได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ ทุกครั้งที่น้ำท่วมสันทรายก็เหมือนเป็นการทำความสะอาดหาดทรายไปในตัว ขยะหรือเศษไม้ต่างๆ คลื่นซัดมาติดชายหาดก็จะหายไปตามคลื่นเมื่อน้ำขึ้น
ทะเลแหวก ควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม
มหัศจรรย์ Unseen ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง สถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อบนเส้นทางสายปราสาทหินตั้งตระหง่านผ่านวันเวลามาเนิ่นนานงดงาม อ่อนช้อย แข็งแรงทรงพลัง สัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองในครั้งอดีตกาลใครจะเชื่อว่า ปราสาทหินแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือปากปล่องภูเขาไฟ และในวันเวลาเดียวของปีคือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 แสงอาทิตย์จะทำมุมลอดทะลุประตูทั้ง 15 บานของปราสาทได้อย่างพอดี
ปราสาทหินพนมรุ้ง
ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกายตัวปราสาทสร้างอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว คำว่า “พนมรุ้ง”ในภาษาเขมรหมายถึง “ภูเขาใหญ่” แสดงถึงความอลังการของภูเขาไฟลูกนี้
ได้เป็นอย่างดี ปราสาทหินพนมรุ้งประกอบด้วยหมู่อาคารต่าง ๆ ตั้งเรียงรายจากลาดเขาทางขึ้น ต่อเนื่องขึ้นไปจนถึงองค์ปรางค์ประธานบนยอด เปรียบได้ดั่งวิมานที่ประทับของพระศิวะ ส่วนทางเดินขึ้นทอดไปสู่สะพานนาคราช คล้ายดั่งจุดเชื่อมโยงโลกมนุษย์กับแดนสวรรค์ นับเป็นโบราณสถานฝีมือชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในครั้งอดีตของอาณาจักรขอมโบราณ
วันเวลาที่แนะนำ
สามารถชมความมหัศจรรย์ของแสงอาทิตย์ส่องทะลุซุ้มประตู 15 บาน พร้อมกันได้ในช่วงเดือน
เมษายน เวลาประมาณ 06.30 ถึง 7.30 น. ในวันขึ้น 15 ค่ำ ในส่วนของการเยี่ยมชมปราสาทหินพนมรุ้ง
เปิดให้ชมทุกวันตามเวลาราชการ
การเดินทาง
จากตัวเมืองบุรีรัมย์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 219 เลี้ยวขวาต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 24 ไปอีกราว 20 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางย่อยแยกสู่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
โทร. 0-4421-3666, 0-4421-3030
ขอบขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.ezytrip.com
UNSEEN ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
การสร้างวัดในพระราชฐานนั้นเคยมีมาตั้งแต่ สมัยโบราณ ครั้งเมื่อกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีก็มีวัดมหาธาตุอยู่ในบริเวณราชวัง ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีก็มีวัดศรีสรรเพชญ อยู่ในบริเวณพระราชวัง ตลอดจนครั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราชทรงสร้างกรุงเทพมหานครฯ ก็มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ยังมีอีกเหตุหนึ่งคือทรงได้ พระพุทธมหามนีรัตนปฏิมากรแก้วมรกตมาเป็นศรีพระนครจากกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว จึงทรงสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขึ้นในบริเวณพระบรมมหาราชวัง พร้อมกับสร้างกรุงเทพ ฯ ขึ้นเป็นราชธานี เมื่อ พ.ศ 2325 วัดพระศรีรัตนศาสดารามสร้างอยู่ 2 ปี จึงได้อันเชิญพระแก้วมรกตแห่ จากวัดอรุณราชวราราม ฝั่งธนบุรี มาประดิษฐาน ที่ในพระอุโบสถเมื่อ พ.ศ 2327 วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่มีเฉพาะเขตพุทธาวาส ไม่มีเขตสังฆาวาสให้พระสงฆ์อยู่จำพรรษา ทั้งนี้เป็นการสร้างตามธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่โบราณ ทั้งนี้เพื่อเป็นทีประดิษฐานพระคู่บ้านคู่เมือง
วัดพระศรีรัตนศาสดารามพระอารามหลวงชั้น พิเศษ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของพระบรมมหาราชวังมีการแบ่งเขตระหว่าง พระราชวังกับวัดโดยส่วนของวัดนั้นมีระเบียงคดล้อมรอบ ซึ่งตั้งแต่เมื่อแรกสร้างในรัชกาลที่ 1-3 มีพระอุโบสถเป็นประธานของวัด ด้านหน้าพระอุโบสถมีเจดีย์ทอง 2 องค์ ประดิษฐานอยู่ มีระเบียงคดล้อมรอบ ต่อมาได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีการสร้างอาคารเพิ่มเติมใหม่ทั้งแถว ได้แก่ สุวรรณเจดีย์ มณฑป และปราสาทพระเทพบิดร และโปรดเกล้าฯ ให้ชะลอเจดีย์ทองทั้งคู่นั้นมาประดิษฐานด้านหน้าของปราสาทพระเทพบิดรแทน และได้มีการขยายแนวระเบียงคดใหม่ดังที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทยคือพระพุทธมหามณีรัตนปฏิ กร(พระแก้วมรกต) เป็นองค์พระประธานและยังมีพระ พระพุทธรูปสำคัญ อย่างพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระสัมพุทธพรรณี พระชัยหลังช้าง พระคันธารราษฎร์ พระนาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์และงดงามด้วยศิลปะการสร้าง ยิ่งนัก ภายในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดารามประกอบด้วยศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ ที่นับเป็นยอดของฝีมือช่างในเวลาที่จัดสร้าง ครับ แต่ละสถานที่สวยจริง ๆ
ตำนานพระแก้วมรกต
มีตำนานที่ควรเชื่อถือได้กล่าวว่าเมื่อ พ.ศ 1977 มีฟ้าผ่าเจดีย์องค์หนึ่ง ณ เมืองเชียงราย (คือวัดพระแก้วในปัจจุบัน)เค้นพบพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ชาวเชียงรายได้เห็นเป็นองค์พระพุทธรูปปิดทองคำทึบทั่วทั้งองค์ สำคัญว่าเป็นพระพุทธรูปศิลาสามัญ จึงอันเชิญไว้ในวิหารแห่งหนึ่ง แต่จากนั้นสองสามเดือน ปูนที่ลงรักปิดทองหุ้มทั่วพระองค์นั้น กะเทาะออกมาที่ปลายพระนาสิก เจ้าอธิการในอารามนั้นได้เห็นเป็นแก้วสีเขียวงาม คือหยก ชนิดหนึ่ง จึงแกะออกไปทั่วทั้งองค์ คนทั้งปวงจึงได้เห็น และทราบความว่า เป็นพระพุทธรูปแก้วทึบทั้งแท่งบริสุทธิ์ดีไม่บุบสลาย หน้าตักกว้าง 48.3 ซ.ม สูงทั้งฐาน 66 ซ.ม คนชาวเชียงรายและเมืองอื่น ๆ ก็พากันไปบูชานมัสการมากมาย จากนั้นพระเจ้าฝั่งแกนเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้มีการอัญเชิญเพื่อจะมาประดิษฐานยังเมืองเชียงใหม่ แต่ก็เกิดปาฏิหาริย์ทำให้พระแก้วมรกตนั้นต้องมาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระแก้ว ดอนเต้า เมืองลำปาง จนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช (พ.ศ. 1998-2030)เมื่อคราวที่สร้างวัดเจดีย์หลวงเสร็จแล้วจึงได้อัญเชิญพระแก้ว มรกตจากนครลำปางมาประดิษฐาน ในจระนำซุ้มด้านทิศตะวันออกของเจดีย์หลวงเมืองเชียงใหม่ จนมาถึงเมื่อคราวพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระอุปราชแห่งอาณาจักรล้านช้างมาปกครองล้านนาเป็นเวลา 2 ปี (ระหว่างปี พ.ศ. 2098-2090 ) พระราชบิดาได้เสด็จสวรรคต พระเจ้าไชยเชษฐา จึงเสด็จกลับไปครองอาณาจักรล้านช้างพร้อมกับอัญเชิญพระแก้วมรกตไปยังหลวงพระ บางและภายหลังได้ย้ายไปประดิษฐานยังวัดพระแก้วในนครเวียงจันทน์ จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรีจึงได้ไปอัญเชิญพระแก้วมรกตจากเวียงจันทร์มายังกรุงธนบุรีโดย สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเมื่อย้ายเมืองหลวงมาเป็นกรุงเทพมหานครแล้วจึงได้สร้างพระอุโบสถวัดพระ ศรีรัตนศาสดารามเพื่อประดิษฐาน มาจนถึงทุกวันนี้
เนื่องจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัด สำคัญในเขตพระบรมมหาราชวัง จึงมีงานศิลปกรรมที่มีลักษณะพิเศษต่างจากวัดโดยทั่วๆ ไปหลายประการ ในส่วนของงานประดับตกแต่ง ตัวอย่างเช่น ส่วนฐานอาคารที่เรียกว่าเชิงบาตรหรือเอวขันธ์ ประดับด้วยแถวครุฑแบก ซึ่งเป็นครุฑยุคนาคเรียงล้อมรอบฐาน การประดับแนวครุฑแบกนี้โดยทั่วไปพบอยู่ในงานประดับเจดีย์ ส่วนที่เป็นงานประดับฐานอาคารพบเฉพาะที่เป็นปราสาทที่ประทับของพระมหา กษัตริย์เป็นสำคัญ ซึ่งพบหลักฐานแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเขมร การที่อาคารมีครุฑแบกเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสวรรค์ หรืออีกนัยหนึ่งอาจตีความได้ว่าผู้อยู่ในอาคารนั้นเป็นเชื้อสายของพระ นารายณ์
ภายในวัดพระแก้วถือเป็นสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ มีพระพุทธรูปสำคัญของเมืองไทยอย่างพระแก้วมรกต และมีความงามของศิลปะมากมายให้เราได้ชมกันอย่างตื่นตาตื่นใจ นอกจากนั้นยังได้ชมความงามของพระที่นั่งกันถึงสองที่ อีกด้วยเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่พวกเราชาวไทยต้องเข้ามากราบไหว้สักการพระแก้ว มรกต และเยี่ยมชมความของศิลปะอย่างไทยเรา เพื่อความภาคภูมิใจของศิลปะและวัฒนธรรมของชาติไทยเราครับ เป็นอีกวัดหนึ่งที่แนะนำ สำหรับคนที่อยากทำบุญไหว้พระ หรือการไหว้พระเก้าวัด วัดพระแก้วแห่งนี้ก็เป็นที่แรกที่ควรจะเข้ามากราบไห้ก่อนที่อื่น
สิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทย
คอนเสิร์ตสุดอลังการ
บอดี้สแลมมีคิวการแสดงคอนเสิร์ตตามงานต่างจังหวัดมากมาย และมีคอนเสิร์ตใหญ่ อยู่ 6 ครั้ง คือ
* วันเที่ 17 เมษายน 2547 คอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE : BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์( ท่าพระจันทร์ ) ที่ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทางคลื่นร้อน 91.5 Hot Wave จัดให้ตามคำขอของเหล่าสาวกแฟนคลับของทั้ง 3 หนุ่ม ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย, ปิ๊ด-ธนดล ช้างเสวก, เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด อ๊อฟ บิ๊กแอสส์ ป๊อด โมเดิร์นด็อก
* 14 พฤษภาคม 2548 คอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลก ( Earth day ) ในชื่อ "Bodyslam Believe Concert" ที่Thunder Dome เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ( บอย PEACEMAKER ) และ เภา - รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ BODYSLAM ปัจจุบันออกอัลบั้มเดี่ยวชื่อ PAO PRESENT PERFECT
* 9 ตุลาคม 2548 คอนเสิร์ต BIG BODY ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีจัดร่วมกับวงร็อกรุ่นพี่ บิ๊กแอส
* 22 เมษายน 2549 คอนเสิร์ต M-150 สุดชีวิตคนไทย ที่ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ร่วมกับ บิ๊กแอส โปเตโต้ เสก โลโซ ลานนา คัมมินส์ ทาทายัง และ ไมค์ ภิรมย์พร
* 20-21 ตุลาคม 2550 BODYSLAM มีคอนเสิร์ตครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า BODYSLAM SAVE MY LIFE CONCERTที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยวันที่ 20 ต.ค. มีแขกรับเชิญคือ โก้ Mr.Saxman(เพลง นาฬิกาตาย) , ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์(เพลง ความเชื่อ,แม่) และ ปนัดดา เรืองวุฒิ(เพลง แค่หลับตา)และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในเพลงท่านผู้ชม ส่วนวันที่ 21 ต.ค. มี โก้ Mr.Saxman(เพลงนาฬิกาตาย) , แอ๊ด คาราบาว(เพลง ความเชื่อ,รักต้องสู้) และ ปนัดดา เรืองวุฒิ(เพลง แค่หลับตา)และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในเพลงท่านผู้ชม
* 5 กรกฎาคม 2551 BODYSLAM คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้ชื่อคอนเสิร์ตว่า EVERY BODYSLAM CONCERTที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีโดยมีศิลปินรับเชิญคือ ฟักแฟง โน มอร์เทียร์-ไปรยา มลาศรี(เพลง แค่หลับตา) และ บุดด้าเบลส(เพลง Low และ Bump Boom Boom)
วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ย้อนวันวาน Bodyslam <อัลบั้มพิเศษ>
อัลบั้ม In Love : อากาศ,งมงาย,ย้ำ,ทางของฉัน ฝันของเธอ,จันทร์ยังเต็มดวง,ปลายทาง,หวั่นไหว,ชีวิตที่เหลืออยู่,หลังฝน,ป่านน
อัลบั้ม In Love 2 ความซื่อสัตย,สักวันฉันจะดีพอ,ได้หรือเปล่า,เผื่อไว้,ยกโทษ,มือใหม,่Bodyslam,นาทีสุดท้าย,ให้รักคุ้มครอง,ภาพลวงตา
อัลบั้ม Remix: ปลายทาง,อากาศ,ได้หรือเปล่า,ทางของฉัน
ฝันของเธอ,นาทีสุดท้าย,มือใหม่,ย้ำ,งมงาย,ยกโทษ,หวั่นไหว
อัลบั้ม The Birth of Bodyslam : La-On
สมควร,ได้หรือเปล่า,เฮ้อ...คืนนี้,Nana น้องๆ,ให้เธอรู้,ปิดตา...ให้ทาย,Hey You!,
เพื่อนที่เข้าใจ,Nothing ได้หรือเปล่า (เวอร์ชัน...ถามอีกที)
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://th.wikipedia.org/wiki/บอดี้สแลม
รางวัลอันทรงเกียรติของBODYSLAM
ปีพ.ศ. 2551
สีสันอวอร์ด ครั้งที่ 20: ศิลปินกลุ่มร็อคยอดเยี่ยม, อัลบั้มร็อคยอดเยี่ยม(Save my live) และเพลงร็อคยอดเยี่ยม(ยาพิษ)
FAT AWARDS ครั้งที่ 6: Record of The Year(ยาพิษ)
Music Express Awards 2007: วงดนตรียอดนิยม, มิวสิควีดีโอยอดนิยม(ยาพิษ)
<ภาคต่อ>ผลงานอันสุดล้ำเลิศของBODYSLAM
อัลบั้ม Save My Life (พ.ศ. 2550) วางแผง 18 กันยายน 2550
เพลงเปิดตัวเพลงแรก "ยาพิษ" ได้ออกสู่ผู้ฟัง ได้รับการตอบรับไม่น้อย เนื่องจากเนื้อหาและความหนักหน่วงทางดนตรีที่เพิ่มขึ้นมาก (มีดนตรีแนว Alternative ให้เห็นอย่างเด่นชัด) เมื่อได้ฟังเพลงทั้งหมดของอัลบัมนี้แล้ว อาจจะรู้สึกได้ว่า ดนตรีได้มีการเปลี่ยนแนวไป ในการฟังครั้งแรก ก็จะพบว่าเพลงแนวเดิมยังมีอยู่ อย่างเช่น ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ อกหัก นาฬิกาตาย นี่เป็นการเปลี่ยนแนวครั้งยิ่งใหญ่ ของ BODYSLAM อัลบั้มนี้ ตูนได้แต่งเพลงเองสองเพลงคือเพลง แค่หลับตา ซึ่งเพลงนี้ตูนได้ร้องคู่กับปนัดดา เรืองวุฒิ และเพลงขอบคุณน้ำตา และอีกเพลงที่ตูนแต่งเพลงร่วมกับขจรเดช พรมรักษาหรือ กบ Big Ass โปรดิวเซอร์ก็คือเพลง ยาพิษ และเป็นที่น่ายินดี สำหรับเพลง เสี้ยววินาที ที่เป็นเพลงประกอบโฆษณา 24thSea Games 2007 Information Center Nakhon Ratchasima THAILAND
รายชื่อเพลงในอัลบั้ม
ยาพิษ,อกหัก,ท่านผู้ชม,ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ,แค่หลับตา Feat. ปนัดดา เรืองวุฒิ,เสี้ยววินาที,คนมีตังค์,แสงแรก,นาฬิกาตาย Feat. โก้ Mr.Saxman,ขอบคุณน้ำตา
อัลบั้ม Project "PLAY" (พ.ศ. 2552)
เป็นอัลบั้มพิเศษของทาง Gmm Grammy ที่จัดขึ้นมาเพื่อฉลอง 25 ปี Gmm Grammy โดยอัลบั้มนี้จะอยู่ในหมวดของ Rock โดยให้แต่ละศิลปินได้เลือกเพลงเก่าในตำนานของ Gmm Grammy มา cover ใหม่ ให้เป็นแนวของศิลปินเอง โดยมีชื่อเพลง "เสียดาย"
ความรัก,สติ๊กเกอร์,คิดฮอด feat.ศิริพร อำไพพงษ์,ทางกลับบ้าน แสงสุดท้าย,ปล่อย feat.ธนชัย อุชชิน (ป๊อด โมเดิร์นด็อก),เปราะบาง (เพลงที่ยาวที่สุดในอัลบั้ม และของวง),โทน,เงา
ผลงานพิเศษ
ขอความสุขคืนกลับมา (พ.ศ. 2553) แต่งโดย นิติพงษ์ ห่อนาค เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบในกทม. และให้ดารานักแสดงและนักร้องมาร่วมร้องเพลงนี้
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://th.wikipedia.org/wiki/บอดี้สแลม
ผลงานสุดล้าเลิศ ของ BODYSLAM
พวกเขาส่วนหนึ่งได้กลับมารวมตัวกันในชื่อ Bodyslam ภายใต้การดูแลของทีมนักทำเพลงที่ชื่อว่า Mango Team ซึ่งเป็นทีมเดียวกันกับที่ดูแลผลงานเพลงของวง บิ๊กแอส โดยเหลือ สมาชิกเพียง 3 คนจาก 6 คนเท่านั้น ผลงานเพลงชุดแรกชื่อ Bodyslam ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หลังจากที่เพลง "งมงาย" "อากาศ" "สักวันฉันจะดีพอ" และ "ย้ำ" ที่ได้รับความสำเร็จอย่างดี
อากาศ,เผื่อไว้,ยกโทษ,ย้ำ,นาทีสุดท้าย,ผมไม่สู้,งมงาย,สักวันฉันจะดีพอ,มือใหม่,Away,ป่านนี้
อัลบั้ม Drive (พ.ศ. 2546) วางแผง 9 กันยายน 2546
ภายในระยะเวลา 1 ปีให้หลัง บอดี้สแลมได้ออกอัลบั้มแรก ( ตูน ปิ๊ด เภา ) ก็ได้ออกอัลบั้ม Drive (ไดร์ฟ) กับเพลง "ความซื่อสัตย์" เพลงโปรโมทแรกจากอัลบั้ม "Drive" และมีเพลงอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างเช่น "ปลายทาง" ,"หวั่นไหว" และเพลงอื่น ๆในอัลบั้มอย่างเช่น "ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่" "Bodyslam" "จันทร์ยังเต็มดวง" และ "หลังฝน"
อัลบั้ม Believe (พ.ศ. 2548) วางแผง 22 เมษายน 2548
หลังจากออกอัลบั้ม Drive พวกเขาก็ออกจากค่ายมิวสิกบั๊กส์และเซ็นต์สัญญากับ จีนีส์ เรคอร์ด ซึ่งอยู่ในสังกัด จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่สังกัดเดียวกับศิลปินรุ่นพี่วงบิ๊กแอส (BIG ASS) มีการเปลี่ยนแปลงภายในวงเกิดขึ้นเมื่อ เภา-รัฐพล พรรณเชษฐ์ มือกีตาร์ของวงก็ได้ขอแยกตัวออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว (ในชื่อ Present Perfect) สังกัด ค่ายสนามหลวง โดยมีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามาคือ ยอด-ธนชัย ตันตระกูล มือกีตาร์ที่เคยเป็นนักดนตรีแบ็คอัพให้กับศิลปินในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ในตำแหน่งมือกีตาร์ กับ ชัช-สุชัฒติ จั่นอี๊ด ในตำแหน่งมือกลอง และพวกเขาก็ออกอัลบั้ม Believe กับค่ายเพลงแห่งใหม่ โดยเปิดตัวด้วยซิงเกิ้ลแรกกับเพลง "ขอบฟ้า" ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีอีกหลายเพลงที่ได้รับความนิยม เช่น "ความรักทำให้คนตาบอด" "พูดในใจ" "คนที่ถูกรัก" และเพลงได้มีแขกรับเชิญพิเศษ "แอ๊ด คาราบาว" ในเพลง "ความเชื่อ" ยังมีเพลงอืนๆ อาทิ "ห้ามใจ" "รักก็เป็นอย่างนี้"
Special:ทั้งรักทั้งเกลียด (Tribute to กุ้ง ตวงสิทธิ์)
2.เรา(เพลงพิเศษที่ใช้ร้องร่วมกับวง บิ๊กแอส ในงานคอนเสิร์ต BigBody Concert ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี)
3.พลังพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณา เครื่องดื่ม M-150) เฉพาะ ตูน โฆษณานี้ ตูน ถ่ายร่วมกับ เอกรัตน์ วงษ์ฉลาด (แด๊กซ์ BIG ASS),
เสกสรรค์ สุขพิมาย (เสก LOSO),ลานนา คัมมินส์,อ.ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า (ขุนอินทร์)
Special (พ.ศ. 2550)
2.สัญญาณในใจ (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณารถจักรยานยนต์ Yamaha Spark 135 X Series) ร้องร่วม กับ ณัฐพล พุทธภาวนา (โต HANGMAN)
Special (พ.ศ. 2551)
1.Walk out your step (เพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาเครื่องดื่ม M-150 2551)
ขอบขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://th.wikipedia.org/wiki/บอดี้สแลม
เปิดตำนานวงดนตรีร็อกอันดับหนึ่งของเมืองไทย
สมาชิก
ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) - เบส, คอรัส
สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) - กลอง
ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) - กีตาร์
อดีตสมาชิก
รัฐพล พรรณเชษฐ์ (เภา) - กีตาร์
หลังจากแยกจากบอดี้สแลม รัฐพลออกอัลบั้มเดี่ยว ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ในเครือแกรมมี่ มีเพลงฮิต เช่น คนไม่มีปีก ซ้ำไปซ้ำมา
ประวัติ
พ.ศ. 2539 รายการวิทยุ Hot Wave ได้จัดงานประกวดวงดนตรีระดับมัธยมศึกษาชื่อ Hot Wave Music Awards ขึ้นเป็นครั้งแรก วงละอ่อนจึงได้เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศ จากจำนวนวงดนตรีจำนวนมากที่เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้วงละอ่อนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด มิวสิกบั๊กส์ และออกอัลบั้มแรกในชื่อ ละอ่อน โดยมีเพลงดังคือเพลง ได้หรือเปล่า และ นิดนึงพอ (นิดนึงพอ บรรเลงและขับร้องโดย วงละอ่อน แต่เป็นรุ่นที่สอง นักร้องนำคือ ปั้น เจษฎา ที่เข้ามาแทนตำแหน่งของ ตูน อาทิวรา เพื่อประกอบเรื่อง เทพนิยายนายเสนาะ ปัจจุบัน ปั้น เจษฎา เป็นสมาชิกวง Basher นอกจากนี้เพลง นิดนึงพอ ยังมี version ที่บรรเลงและขับร้องโดยวง Friday (Friday I'm in love) อีกด้วย) เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี (ส่วนหนึ่ง) ของวงละอ่อน ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด Hot Wave Music Award ครั้งที่ 1 และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตแตกต่าง และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจจนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง ได้หวนกลับมาสนใจเล่นดนตรีอีกครั้ง และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยงานเพลง และ"ปิ๊ด" ก็กลับมาช่วยทำงานเพลงในรูปแบบใหม่ และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Bodyslam ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ที่มาของชื่อบอดี้สแลม
จากคำอธิบายของพวกเขาเอง ที่มาของชื่อนี้มาจากท่าๆ หนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว BODY แปลว่าร่างกาย SLAM คือการทุ่ม เมื่อพอมารวมกันเป็น BODYSLAM ก็หมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://th.wikipedia.org/wiki/บอดี้สแลม
วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553
"เซิร์น" ทดสอบยิงลำอนุภาค
ทั้งทวนเข็มและตามเข็มเตรียมเดินเครื่องครั้งแรก 10 ก.ย.นี้หวังจะได้เห็นลำแสงวิ่งไปตามทางที่กำหนด และเกิดการชนกันตามที่คาดการณ์ไว้
นักฟิสิกส์ประจำที่เซิร์น ดูผลการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ผ่านคอมพิวเตอร์ ก่อนเดินเครื่องจริง 10 ก.ย.นี้
เซิร์น (CERN) หรือ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ (European Center for Nuclear Research)ออกมาประกาศถึงความสำเร็จของการทดสอบการทำงาน ระบบประสานงานลำอนุภาคของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี (Large Hadron Collider: LHC) ซึ่งทดลองเป็นครั้งที่สอง และครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 ส.ค.51 ที่ผ่านมา ทำให้ทีมดำเนินงานสามารถวางแผนยิงลำอนุภาคแรก เข้าไปในเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีได้
นักฟิสิกส์ประจำที่เซิร์น ดูผลการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ผ่านคอมพิวเตอร์ ก่อนเดินเครื่องจริง 10 ก.ย.นี้ี้
ทั้งนี้ เซิร์นมีกำหนดยิงแสงแรก หรือการพยายามทดลองเดินเครื่องครั้งแรกเร่งอนุภาคแอลเอชซีในวันที่ 10 ก.ย.51 เวลา 09.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นหรือเวลาประมาณ 14.15 น. ของวันเดียวกันตามเวลาประเทศไทย โดยที่เซิร์นเรียกวันแห่งการทดลองครั้งแรกนี้ว่า "แอลเอชซี เฟิร์สต์ บีม เดย์"(LHC First Beam Day) พร้อมทั้งเปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้าชม ณ ห้องควบคุมและนำชมห้องแล็บทั้ง 4
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน มีการส่งกลุ่มอนุภาค จากเครื่องซินโครตรอนซูเปอร์ ์โปรตอน หรือ เอสพีเอส (Super Proton Synchrotron: SPS) ไปยังเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี และผ่านไปเป็นเวลาพอสมควร กลุ่มอนุภาคหนึ่งได้เคลื่อนเข้าสู่ท่อลำอนุภาคของแอลเอชซี แล้วหมุนตามเข็มนาฬิการอบแอลเอชซีเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร
"ขอบคุณทีมงานทียอดเยี่ยม ทั้งการทดสอบยิงลำอนุภาคแบบทวนเข็ม และตามเข็มนาฬิกา เป็นไปโดยปราศจากอุปสรรค เราจดจ่อกับความสำเร็จอันกึกก้อง ในความมุ่งมั่นแรกที่จะส่งลำอนุภาคทั้งหมดรอบๆ เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี"ลิน อีวานส์ (Lyn Evans) หัวหน้าโครงการเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี กล่าว
การทดสอบยิงลำอนุภาคทั้งทวนเข็มและตามเข็มนาฬิกานั้นเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อม ของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีซึ่งเป็นเครื่องเร่งอนุภาคที่ทรงพลังที่สุดในโลก เพื่อให้ที่สุดแล้วลำอนุภาค 2 ลำ ถูกเร่งและชนกัน ที่ระดับพลังงานของลำอนุภาคละ5 เทราอิเล็กตรอนโวลต์ (TeV) ซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ได้รับการทำนายว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2551
ทั้งนี้ เครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี สามารถเร่งอนุภาคให้มีความเร็วเข้า ใกล้แสง 99.9999% โดยการเร่งอนุภาคดังกล่าวเกิดขึ้นภายในท่อที่ขดเป็นวงกลม 27 กิโลเมตร ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินลึกลงไป 100 เมตร ระหว่างชายแดนฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์
สำหรับ หนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของการทดลองสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้คือการหาอนุภาคตามที่ทฤษฎีทำนายไว้ที่เรียกว่า "ฮิกก์ส" (Higgs)ที่จะสามารถอธิบายความลึกลับของมวล และอนุภาคนี้ยังมีชื่อเรียกซึ่งเป็น
ที่รู้จักอีกชื่อว่า "อนุภาคพระเจ้า" ซึ่งมีอยู่ทั่วไปแต่หาได้ยาก
ทั้งนี้ กำหนดการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ในวันที่ 10 ก.ย. นี้จะเป็น การยิงลำอนุภาคที่ระดับพลังงาน 450 กิกะอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ให้เคลื่อนที่ในอุโมงค์ รอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี และมีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย14.00 น. เป็นต้นไป ที่ http://webcast.cern.ch
นอกจากนี้ ในวันที่ 3 ต.ค.51 ที่จะถึงนี้ เซิร์นจะเป็นเจ้าภาพงาน "แอลเอชซีกริดเฟสต์" (LHC Grid Fest) ซึ่งเป็นการฉลองระบบคอมพิวเตอร์กริด ของแอลเอชซี (LHC Computing Grid) ซึ่งเป็นระบบ
คอมพิวเตอร์กริด ที่ออกแบบมารับมือกับข้อมูล ของเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซีที่จะออกมาถึงปีละ 15 ล้านกิกะไบต์ โดยภายในงานจะมีการนำเสนอคุณสมบัติของระบบ การสาธิตการทำงาน พร้อมนำชมศูนย์คอมพิวเตอร์ของเซิร์น ดูรายละเอียดได้ที่ ทั้งนี้ กำหนดการเดินเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี ในวันที่ 10 ก.ย. นี้จะเป็น การยิงลำอนุภาคที่ ระดับพลังงาน 450 กิกะอิเล็กตรอนโวลต์ (GeV) ให้เคลื่อนที่ในอุโมงค์ รอบเครื่องเร่งอนุภาคแอลเอชซี และมีการถ่ายทอดผ่านอินเทอร์เน็ตตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตามเวลาประเทศไทย14.00 น. เป็นต้นไป ที่ http://webcast.cern.ch
เรื่อง จริงของ antimatter
ครั้ง แรกของ antihydrogen
อะตอมของ antihydrogen ประกอบด้วย antiproton และโพซิตรอน (โพซิตรอน) ซึ่งทำให้ antiatom ง่ายUnfortunately, this does not make it any easier to produce in the lab. แต่นี้จะไม่ทำให้มันง่าย ๆ ในการผลิตในห้องปฏิบัติการ Persuading the antiprotons and positrons to combine together was a challenge that no one had managed to solve until the PS210 at CERN created the first atoms of antihydrogen in 1995. ชักชวน antiprotons และ positrons รวมกันเป็นความท้าทายที่ไม่มีใครมีการจัดการเพื่อแก้จน PS210 ที่ CERN ที่สร้างอะตอมแรกของ antihydrogen ในปี 1995It was a difficult task both for the physicists and for the operation team at CERN's Low Energy Antiproton Ring (LEAR) – the main machine used for the experiment. มันเป็นงานยากทั้งฟิสิกส์และทีมงานที่ CERN ของพลังงานต่ำ Antiproton Ring (LEAR) -- เครื่องจักรหลักที่ใช้ในการทดสอบ The researchers allowed antiprotons circulating inside LEAR to collide with atoms of a heavy element. นักวิจัยได้ antiprotons หมุนเวียนภายใน LEAR ไปชนอะตอมของธาตุหนัก Any antiprotons passing close enough to a heavy atomic nucleus could create an electron-positron pair; in a tiny fraction of cases, the antiproton would bind with the positron to make an atom of antihydrogen. antiprotons ใดผ่านใกล้พอที่จะนิวเคลียสอะตอมหนักได้สร้างคู่อิเล็กตรอนโพซิตรอน -; ในส่วนเล็ก ๆ ของราย antiproton จะผูกกับโพซิตรอนเพื่อให้อะตอมของ antihydrogen
The process was complicated, time-consuming and required a lot of effort but it led to a ground-breaking achievement. กระบวนการได้ซับซ้อนใช้เวลาและต้องใช้ความพยายามมาก แต่นำไปสู่ความสำเร็จภาคพื้นทำลาย When the announcement of the production of 9 antiatoms at CERN was made early in 1996, the news travelled around the world to be reported in newspapers, on radio and on television. เมื่อประกาศการผลิต 9 antiatoms ที่ CERN ที่ทำในช่วงต้นปี 1996 ข่าวเดินทางทั่วโลกที่มีการรายงานในหนังสือพิมพ์วิทยุและโทรทัศน์
However, the fleeting existence of the antiatoms meant that they could not be used for further studies. อย่างไรก็ตามมีอยู่ประเดี๋ยวเดียวของ antiatoms หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถใช้ในการศึกษาต่อ Each one existed for only about 40 billionths of a second, travelling at nearly the speed of light over a path of 10 m before it annihilated with ordinary matter. แต่ละคนมีอยู่เพียงประมาณ 40/1000000000 ของสองเดินทางที่เกือบความเร็วแสงผ่านเส้นทางของ 10 เมตรก่อนที่จะวินาศกับเรื่องธรรมดา
Soon after the PS210 experiment, the study of antimatter at CERN was interrupted. หลังจากการทดสอบ PS210 การศึกษาของ antimatter ที่ CERN ถูกขัดจังหวะ LEAR's operation came to an end in 1996 when the machine had to be converted for use with a future accelerator – the Large Hadron Collider . ของการดำเนินการ LEAR มาสิ้นสุดในปี 1996 เมื่อเครื่องมีการแปลงเพื่อใช้กับคันเร่งในอนาคต -- Large Hadron ธาตุ Another machine called the Antiproton Decelerator was built at CERN to produce and slow down antiparticles. เครื่องอื่นเรียกว่า Antiproton Decelerator ถูกสร้างขึ้นที่ CERN ผลิตและชะลอ antiparticles Using this new facility, which came into operation in 2000, two experiments called ATHENA and ATRAP succeeded in producing antihydrogen atoms for the first time in large quantities in 2002. นี้โดยใช้สถานที่ใหม่ที่เข้ามาดำเนินการในปี 2000 สองการทดลองที่เรียกว่า ATRAP Athena และประสบความสำเร็จในการผลิตอะตอม antihydrogen ครั้งแรกในปริมาณมากในปี 2002
ATHENA and ATRAP were set up in the late 1990s to produce low-energy antihydrogen atoms for comparison with hydrogen atoms. Athena และ ATRAP มีขึ้นในปลายปี 1990 เพื่อผลิตอะตอม antihydrogen พลังงานต่ำสำหรับการเปรียบเทียบกับอะตอมไฮโดรเจน
In PS210 the antiatoms had been formed in motion close to the speed of light and were too energetic to study. ใน PS210 antiatoms ได้เกิดขึ้นในการเคลื่อนที่ใกล้ความเร็วแสงและมีพลังมากในการศึกษา What was needed was a technique to tame the constituents of the antiatoms by trapping, storing and slowing them down. สิ่งที่ถูกต้องเป็นเทคนิคที่เชื่ององค์ประกอบของ antiatoms โดยดัก, การจัดเก็บและชะลอตัวลงนั้น ATHENA and ATRAP achieved this using a novel method that overcame the limitations of the previous techniques. Athena และ ATRAP ความนี้ใช้วิธีใหม่ที่ก้าวผ่านข้อ จำกัด ของเทคนิคก่อน
In September 2002, ATHENA announced the first controlled production of a large number of antihydrogen atoms at low energies and the direct observation of their annihilation. ในเดือนกันยายน 2002 Athena ประกาศควบคุมการผลิตแรกจำนวนมากของอะตอม antihydrogen ที่พลังงานต่ำและการสังเกตโดยตรงของการทำลายล้างของพวกเขา A month later ATRAP announced the first glimpse inside the antiatom. เดือนต่อมา ATRAP ประกาศเหลือบแรกภายใน antiatom
The ATHENA experiment ended in November 2004 and an experiment called ALPHA has since been set up to continue the research begun by its predecessor. การทดสอบ Athena สิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายนปี 2004 และการทดสอบที่เรียกว่า ALPHA ได้ตั้งแต่จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการต่อบรรพบุรุษของการวิจัยเริ่มด้วย